
ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1
The Needs for Development of Muay Thai Curriculum Based on the King's Philosophy Concept in Educational Opportunity Expansion Schools Under the Office of Chonburi Primary Education Service Area 1
อิงอร ไหมอ่อน¹ ต่อศักดิ์ แก้วจรัญวิไล¹ และ สมบุญ ศิลป์รุ่งธรรม¹
Ing-on Mai-on¹, Torsak Kaewjaratwilai¹, and Somboon Silrungtham¹
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1กระบวนการวิจัยมี 2 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การหาความต้องการจำเป็นเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 ผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 80 คน จากโรงเรียนขยายโอกาส 21 โรงเรียน ด้วยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) และใช้แบบสอบถามความต้องการจำเป็นเพื่อศึกษาสภาพที่เป็นและสภาพที่ควรจะเป็น และ 2) ศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา และความต้องการด้านเนื้อหา โคยใช้เทคนิคการสัมภาษณ์เชิงลึก (In - Depth Interview) โดยการสัมภาษณ์ครูผู้สอนรายวิชาพลศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาส 3 คน และครูผู้สอนมวยไทยในโรงเรียนขยายโอกาส 3 คน ด้วยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า การพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 มีความสำคัญตามด้านของการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา ทั้ง 3 ด้าน สภาพที่เป็นควรจะเป็นต่ำกว่าด้านสภาพที่เป็นอยู่ และเมื่อวิเคราะห์ผลการจัดลำดับสภาพที่ควรจะเป็นทั้ง 3 ด้านพบว่า องค์ประกอบด้านเนื้อหามีความต้องการจำเป็นสูงสุด รองลงมาคือ ด้านการวัดและประเมินผล และด้านการจัดการเรียนรู้ ตามลำดับ
คำสำคัญ : ความต้องการจำเป็น การพัฒนาหลักสูตรมวยไทย ศาสตร์พระราชา
¹คณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
Faculty of Education and Development Sciences, Kasetsart University
Abstract
This developmental research aimed to determine the needs for developing the Muay Thai curriculum based on the King’s Philosophy in the opportunity expansion school run by the Office of the Primary Educational Service Area 1, Chonburi. The research process consisted of 2 steps: 1) Finding the needs for developing the Muay Thai curriculum based on the King’s Philosophy in the opportunity expansion school run by the Office of the Primary Educational Service Area 1, 80 respondents from 21 opportunity expansion schools by using a questionnaire By selecting a specific sample (Purposive sampling) , and 2) Studying opinions on developing the Muay Thai curriculum based on the King’s philosophy and the needs in terms of content by using the in-depth interview technique by interviewing 3 physical education teachers in the opportunity expansion school and 3 Muay Thai teachers in the extended opportunity schools. By selecting a specific sample (Purposive sampling), Data was analyzed using descriptive statistics, including percentages, means, and content analysis.
The results of the research found that the development of the Muay Thai curriculum based on the King’s philosophy in the Opportunity expansion school run by the Office of the Primary Educational Service Area 1 was important in terms of the development of the Muay Thai curriculum based on the King’s philosophy in all 3 aspects. The conditions that should occur were lower than the current conditions. And when analyzing the results of the ranking of the conditions that should be in all 3 aspects, it was found that the content component had the highest necessity, followed by the measurement and evaluation aspect and the learning management aspect, respectively.
Keyword : Necessity, Muay Thai curriculum development, The King’s philosophy
E-mail address :
คำนำ
ในปัจจุบันสังคมไทยมีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง การศึกษาถือเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคต พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระบรมราโชวาท เกี่ยวกับการศึกษาว่า “การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ และคุณธรรมของบุคคลสังคมและบ้านเมืองใดให้การศึกษาที่ดีแก่เยาวชนได้อย่างครบถ้วน ล้วนพอเหมาะกันทุกๆ ด้าน สังคมและบ้านเมืองนั้นก็จะมีพลเมืองมั่นคงของประเทศชาติไว้ และพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไปได้โดยตลอด” (พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ครูและนักเรียนที่ได้รับพระราชทานรางวัล วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2524) (เชียงใหม่นิวส์, 2562)
โดยกรอบทิศทางแผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2560 – 2575 ได้กำหนดจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษาประเด็นสำคัญอยู่ที่การพัฒนา คุณลักษณะ นิสัย และพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ที่เป็น เครื่องมือและกลไกลในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความเป็นพลเมือง เป็นคนดี มีวินัย เป็น พฤติกรรมที่พลเมืองพึงปฏิบัติให้เป็นนิสัยที่ติดตัวไปตลอดชีวิต ประกอบด้วย การดูแลรักษาสุขภาพ อนามัยของร่างกายให้เจริญเติบโตอย่างเหมาะสมตามวัย การสร้างลักษณะนิสัยในการใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีสมรรถนะที่พึงประสงค์ มีจิตสาธารณะ มีความกระตือรือร้น (active citizen) ในการใช้ให้เกิด ประโยชน์เพื่อส่วนรวมและมีค่านิยมของความเป็นพลเมือง (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560)
คณะกรรมการโครงการเฉลิมพระเกียรติ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (2560) รวบรวมกฎหมายที่สนับสนุนในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ให้ความหมายของ “ศาสตร์ของพระราชา” อันได้แก่ องค์ความรู้ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทาน แก่ปวงชนชาวไทย ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำาริ และผ่านศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นผลของการทรงงานอย่างหนักตลอดรัชสมัยของพระองค์ ในการพัฒนา ประเทศอย่างยั่งยืน ทรงมีหลักในการพัฒนา 3 ขั้นตอน ได้แก่ หลักคิด คือเป้าประสงค์ในการทรงงาน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน หลักทฤษฎี คือ แนวคิดและทฤษฎีที่ได้มีการทดสอบและพิสูจน์แล้ว และได้พระราชทานสู่การปฏิบัติจริง และหลักปฏิบัติ คือ ขั้นตอนของการดำาเนินงานโครงการ อย่างมีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผล ในการดำเนินโครงการได้พระราชทานหลักการ “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” เข้าใจ คือ เข้าใจสภาพภูมิประเทศและมนุษย์ เข้าถึง คือ เข้าถึงภูมิสังคมและข้อมูล เพื่อให้การสร้างสรรค์นั้นตอบสนอง ความต้องการของประชาชน และพัฒนา คือ กำหนดเป็นแนวทาง การพัฒนาด้วยความรู้และภูมิปัญญาที่ไม่จำกัดอยู่เพียงมิติใดมิติหนึ่ง รวมถึงการทดลองและปรับปรุง จนได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและประยุกต์ใช้ได้ไม่รู้จบซึ่ง สามารถสรุปได้ว่า “ศาสตร์พระราชา” คือแนวคิดและปรัชญา หลักการทรงงาน คำสั่งสอนของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และได้มีการทดสอบและพิสูจน์แล้วจาก การทรงงานเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทยและนานาชาติ
โรงเรียนแต่ละระดับได้นำศาสตร์พระราชาไปใช้ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2546 โดยสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงใน การนำเข้าสู่ส่วนการศึกษาทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติทุกระดับของสถานศึกษา สถาบันการศึกษาจึงเป็นจุดเริ่มต้นการนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ในปีการศึกษา 2556 มีสถานศึกษา พอเพียง 6,818 โรงเรียน (ประกาศ 21 เมษายน 2557) ในปี พ.ศ. 2557 มีสถานศึกษาแบบอย่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และการบริหารจัดการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงหรือสถานศึกษา พอเพียงจำนวน 14,602 โรงเรียน (ศาลินา และ นันทกาญจ์, 2557)
ความสำคัญของมวยไทยช่วยพัฒนาร่างกาย อารมณ์สังคม จิตใจ และสติปัญญาให้เป็นผู้มีความสมบูรณ์ ทางร่างกาย และจิตใจ สามารถปรับตัวอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ดังนั้น คนไทยทุกคนควรจะได้ ฝึกฝนเพื่อเป็นการออกกำลังกายให้ร่างกายมีสมรรถภาพทางกายดีอยู่เสมอ ทั้งควรจะได้ศึกษาค้นคว้า เรื่องมวยไทยให้เป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่อมวยไทยอย่างถูกต้อง อันจะยังส่งผลให้เกิดความรัก ชื่นชมในวัฒนธรรม อันล้ำค่าแห่งศิลปะการต่อสู้และพยายามเผยแพร่ไปสู่ชาวโลกอย่างมีระบบ มวยไทยเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายส่วนบุคคล และเป็นการออกกำลังกายร่วมกับคนหลายๆ คนได้ อาจใช้มวยไทยเพื่อการเล่นสนุกสนาน หรือฝึกหัดเพื่อการแข่งขันกีฬา และจัดการแข่งขัน มวยไทยในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานเทศกาลประเพณีกิจกรรมเกี่ยวกับมวยไทยจึงเป็นสื่อสัมพันธ์ของคนในชุมชน และระหว่างชุมชนอย่างต่อเนื่องยังส่งผลให้เกิดความร่วมมือกันในสังคม (โพธิ์สวัสดิ์, 2540)
วิชาพลศึกษาเป็นการศึกษาแขนงหนึ่งซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ผู้เเรียนเกิดการพัฒนาตามวัตถุประสงค์ ของการศึกษาได้ครบทุกองค์ประกอบ ในการเรียนการสอนวิชาพลศึกษา นอกจากจะเป็นการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังมีวิธีการสอนและการจัดกิจกรรมที่สามารถทำให้นักเรียนมีพัฒนาการ ในด้านอื่นๆ เพื่อให้นักเรียนมีความเป็นคนที่สมบูรณ์ควบคู่กันไปด้วยได้ (ฉัตรพันธ์, 2555) สอดคล้องกับ ต่อศักดิ์ (2559) กล่าวว่า การสอนมวยไทยในสถานศึกษาไม่ได้คำนึงถึงการแข่งขันชกบนเวที การเป็นนักมวยไทยอาชีพหรือทำให้ผู้เรียนเกิดการบาดเจ็บ แต่จะมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้เกี่ยวกับมวยไทยอันเป็นศิลปวัฒนธรรมประจำชาติของคนไทยและปลูกฝังคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่หลักสูตรการศึกษาได้กำหนดไว้ ดังนั้นการสร้างภาพลักษณ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นความสำคัญและเข้าใจจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการสอนมวยไทยในสถานศึกษา จึงเป็นสิ่งที่ครูผู้สอนต้องดำเนินการเป็นลำดับแรก
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา เป็นภารกิจหนึ่งของสถานศึกษาที่จะต้องดำเนินการตามกรอบพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 27 โดยมีคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานเป็นผู้กำหนดหลักสูตรแกนกลางที่มีสาระการเรียนรู้หลักและมาตรฐานเป็นข้อกำหนด ซึ่งเป็นแนวทางให้สถานศึกษาจัดทำสาระหรือรายละเอียดของหลักสูตรเพื่อความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ การศึกษาต่อ ที่เหมาะสมกับผู้เรียนและให้สอดคล้องกับสภาพท้องถิ่นได้แก่ สภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะที่พึงประสงค์เพื่อพัฒนาให้เป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ สาระสำคัญของบทบัญญัตินี้ โรงเรียนหรือสถานศึกษา (โพธิ์สวัสดิ์, 2557) จึงต้องดำเนินการพัฒนาหลักสูตรขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แก่ผู้เรียน โดยพิจารณาความเหมาะสมของสาระหลักสูตรที่ผสมผสานระหว่างสาระการเรียนรู้หลัก มาตรฐานที่กำหนด สภาพท้องถิ่น แหล่งการเรียนรู้ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนคาบเวลาและเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน ที่เน้นให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา (ยุทธนา, 2545)
โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา เป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ เกิดขึ้นครั้งแรกภายใต้ โครงการนําร่องขยายการศึกษาภาคบังคับ โดยเปิดระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียนประถมศึกษาทั่วประเทศเป็นครั้งแรก จำนวน 119 โรงเรียน ตามมติคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2533 โดยกระทรวงศึกษาธิการมี นโยบายให้ขยายการศึกษาภาคบังคับต่อไปอีก 3 ปีในท้องที่ที่มีความพร้อม (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2541) โครงการขยายโอกาสทางการศึกษา เป็นแนวทางหนึ่งในการที่จะพัฒนาและเพิ่มพูน ความรู้พื้นฐานของประชาชนให้สูงขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ และสังคมไทยตามรายงานการประเมินผลหนึ่งทศวรรษโครงการขยายโอกาสทางการศึกษาของ สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2543) สรุปได้ว่า โครงการขยายโอกาสทางการศึกษา เป็นการจัดการศึกษาให้กับนักเรียนที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โดยใช้ชื่อว่า โครงการนําร่องขยายการศึกษาภาคบังคับและปัจจุบันเรียกว่า โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งสำนักงาน คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติได้ดำเนินการตั้งแต่ปีการศึกษา 2533 เป็นต้นมา
จังหวัดชลบุรีมีโรงเรียนขยายโอกาสทั้งหมด 21 โรงเรียน ประกอบด้วย อำเภอเมืองชลบุรีจำนวน 8 โรงเรียน อำเภอบ้านบึงจำนวน 9 โรงเรียน และอำเภอหนองใหญ่จำนวน 4 โรงเรียน โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 มีเป้าหมายการพัฒนาการจัดการศึกษาปี 2568 Year of the “BEST”
สอดคล้องแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและจุดเน้นฯ และนโยบายระยะเร่งด่วน (Quick Win) กระทรวงศึกษาธิการ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2568 ข้อที่ 1. ปลูกฝังความรักในสถาบันหลักของชาติและน้อมนําพระบรม-ราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติ (ข้อสั่งการ รมว.ศธ. ข้อ 3) และมีนโยบายการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน กลยุทธ์ที่ 3 ยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับ การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ข้อที่ 4 คือสถานศึกษาจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals :SDGs) และสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2566)
จากศึกษาข้อมูลข้างต้นผู้วิจัยจึงศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาสต่อไป
วิธีการวิจัย
การวิจัยเชิงพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1
กระบวนการวิจัยมี 2 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การหาความต้องการจำเป็นเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 ผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 80 คน จากโรงเรียนขยายโอกาส 21 โรงเรียน ด้วยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) โดยการใช้แบบสอบถามความต้องการจำเป็นเพื่อศึกษาสภาพที่เป็นและสภาพที่ควรจะเป็น และ 2) ศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา และความต้องการด้านเนื้อหา โคยใช้เทคนิคการสัมภาษณ์เชิงลึก (In - Depth Interview) โดยการสัมภาษณ์ครูผู้สอนรายวิชาพลศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาส 3 คน และครูผู้สอนมวยไทยในโรงเรียนขยายโอกาส 3 คน ด้วยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้รับการพิจารณาตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ 1) การพิจารณาตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ท่าน ด้านความตรงเชิงเนื้อหาของแบบสอบถามความต้องการจำเป็นเพื่อศึกษาสภาพที่เป็นและสภาพที่ควรจะเป็น ผลการวิเคราะห์ค่า IOC ที่ 1.00 และ 2) การพิจารณาตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ท่าน ด้านความตรงเชิงเนื้อหาแบบสัมภาษณ์ ผลการวิเคราะห์ค่า IOC ที่ 1.00 การวิจัยในครั้งนี้วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และวิเคราะห์เนื้อหา
กระบวนการวิจัยเพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาหลักสูตรแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาความต้องการจำเป็นจากสภาพที่เป็นอยู่และสภาพที่ควรจะเป็นในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 ผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 80 คน จากโรงเรียนขยายโอกาส 21 โรงเรียน โดยการใช้แบบสอบถามความต้องการจำเป็นเพื่อศึกษาสภาพที่เป็นและสภาพที่ควรจะเป็น
ขั้นตอนที่ 2 ศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา และความต้องการด้านเนื้อหา โคยใช้เทคนิคการสัมภาษณ์เชิงลึก (In - Depth Interview) โดยการสัมภาษณ์ครูผู้สอนรายวิชาพลศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาส 3 คน และครูผู้สอนมวยไทยในโรงเรียนขยายโอกาส 3 คน
การวิเคราะห์ข้อมูล
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยและการอภิปรายผล
สรุปผลการวิจัยขั้นตอนที่ 1
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพความต้องการในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1
ตารางที่ 1 ผลการวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างสภาพที่เป็นอยู่ สภาพที่ควรจะเป็น และลำดับความสำคัญตามด้านของการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1

จากตารางที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ค่าเฉลี่ยของความสำคัญตามด้านของการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา ทั้ง 3 ด้าน สภาพที่เป็นควรจะเป็นต่ำกว่าด้านสภาพที่เป็นอยู่ และเมื่อวิเคราะห์ผลการจัดลำดับสภาพที่ควรจะเป็นทั้ง 3 ด้านพบว่า องค์ประกอบด้านด้านเนื้อหามีความต้องการจำเป็นสูงสุด มีค่า PNImodified 0.44 รองลงมาคือ ด้านด้านการวัดและประเมินผล มีค่า PNImodified 0.43 และด้านการจัดการเรียนรู้ มีค่า PNImodified 0.26 ตามลำดับ นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังได้วิเคราะห์ความต้องการจำเป็นของรายละเอียดตามด้านของการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 ผลการวิเคราะห์แสดงดังตารางที่ 2 ถึงตารางที่ 4
ตารางที่ 2 ผลการวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างสภาพที่เป็นอยู่ สภาพที่ควรจะเป็น และลำดับความสำคัญตามด้านของด้านที่ 1 เนื้อหา การพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1


จากตารางที่ 2 การวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ค่าเฉลี่ยของความสำคัญตามด้านของด้านที่ 1 เนื้อหาการที่สภาพที่ควรจะเป็นจริงต่ำกว่าสภาพที่เป็นอยู่และเมื่อวิเคราะห์ผลการจัดลำดับสภาพที่ควรจะเป็นพบว่า ต้องการให้โรงเรียนขยายโอกาส พัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทย มีค่า PNImodified 0.75 รองลงมาคือ ปัจจุบันมีความจำเป็นที่จะพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยสำหรับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษา มีค่า PNImodified 0.53 และควรมีการนำศาสตร์พระราชามาบูรณาการในหลักสูตรรายวิชามวยไทย มีค่า PNImodified 0.40 ตามลำดับ
ตารางที่ 3 ผลการวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างสภาพที่เป็นอยู่ สภาพที่ควรจะเป็น และลำดับความสำคัญตามด้านของด้านที่ 2 การจัดการเรียนรู้ การพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1

จากตารางที่ 3 การวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ค่าเฉลี่ยของความสำคัญตามด้านของด้านที่ 2 การจัดการเรียนรู้ การที่สภาพที่ควรจะเป็นจริงต่ำกว่าสภาพที่เป็นอยู่และเมื่อวิเคราะห์ผลการจัดลำดับสภาพที่ควรจะเป็นพบว่า ต้องการให้มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายรูปแบบมีค่า PNImodified 0.47 รองลงมาคือ ปัจจุบันมีความจำเป็นที่ต้องการให้มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ มีค่า PNImodified 0.45 และต้องการให้มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมีค่า PNImodified 0.23 ตามลำดับ
ตารางที่ 4 ผลการวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างสภาพที่เป็นอยู่ สภาพที่ควรจะเป็น และลำดับความสำคัญตามด้านของด้านที่ 3 การวัดและประเมินผล การพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1

จากตารางที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ค่าเฉลี่ยของความสำคัญตามด้านของด้านที่ 3 การวัดและประเมินผล การที่สภาพที่ควรจะเป็นจริงต่ำกว่าสภาพที่เป็นอยู่และเมื่อวิเคราะห์ผลการจัดลำดับสภาพที่ควรจะเป็นพบว่า ต้องการให้มีการประเมินความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนรายวิชามวยไทย มีค่า PNImodified 0.64 รองลงมาคือ ต้องการให้มีการประเมินผลการเรียนในรายวิชามวยไทย ด้านเจตคติ มีค่า PNImodified 0.62 และต้องการให้มีการประเมินผลการเรียนในรายวิชามวยไทย ด้านทักษะปฏิบัติ มีค่าPNImodified 0.53 ตามลำดับ
สรุปผลการวิจัยขั้นตอนที่ 2
ศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา และความต้องการด้านเนื้อหา โดยใช้เทคนิคการสัมภาษณ์เชิงลึก (In - Depth Interview) เพื่อนำมากำหนดเป้าหมาย จุดประสงค์ของหลักสูตรและจัดทำหลักสูตรให้สมบูรณ์ต่อไป
1. ข้อมูลเกี่ยวกับการส่งเสริมสนับสนุนหลักสูตรมวยไทยในด้านส่งเสริมควรมีหลักสูตรมวยไทยในสถานศึกษาที่ชัดเจน และมีรูปแบบการวัดและประเมินผล มีการแข่งขันมวยไทยในระดับต่างๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้ผู้คนมีส่วนร่วมควรมีการบูรณาการมวยไทยเข้าในหลักสูตรการศึกษาของโรงเรียน เพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้าใจถึงคุณค่าและประโยชน์ของมวยไทย ทั้งในด้านการออกกำลังกายและวัฒนธรรม
2. ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนขยายโอกาส ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาและมีนโยบายที่สอดคล้องกับศาสตร์พระราชา การมีหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา การจัดหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาสในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 เป็นแนวทางที่ดีที่สามารถเสริมสร้างคุณค่าหลายด้าน คือ การส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม มวยไทยไม่เพียงแค่เป็นกีฬาหรือศิลปะการต่อสู้ แต่ยังมีคุณค่าในด้านจิตใจและจริยธรรม การเรียนรู้มวยไทยจะช่วยให้นักเรียนเข้าใจถึงความอดทน ความเคารพผู้อื่น การฝึกมวยไทยสามารถช่วยพัฒนาทักษะทางกายภาพ เช่น ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความสามารถในการควบคุมร่างกาย รวมถึงการฝึกฝนความตั้งใจและการจัดการกับความกดดัน การมีหลักสูตรมวยไทยจะช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย รวมถึงความหมายของมวยไทยในบริบทสังคมและวัฒนธรรมไทย เสริมสร้างการออกกำลังกายผ่านมวยไทยช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่ต้องการการเคลื่อนไหวและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากมีการแข่งขันมวยไทยภายในโรงเรียน จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับนักเรียนและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน การเชื่อมโยงกับการเรียนรู้ในศาสตร์พระราชา สามารถจัดกิจกรรมที่เชื่อมโยงแนวคิดศาสตร์พระราชา เช่น การใช้มวยไทยในการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและพอเพียง การจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับนักเรียน สถานศึกษามีแนวทางในการจัดการเรียนการสอนรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์ที่สามารถพัฒนาผู้เรียนได้ทั้งความรู้ ทักษะ และเจตคติ
3. ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดเนื้อหาสาระเกี่ยวกับรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา
การจัดเนื้อหาสาระเกี่ยวกับรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา สามารถแบ่งออกเป็นหลายหัวข้อหลัก ดังนี้ ความเป็นมาของมวยไทยและความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยองค์ประกอบทางวัฒนธรรม เช่น เพลงมวย และพิธีกรรมก่อนและหลังการต่อสู้ การไหว้ครู ท่าร่ายรำมวยไทย หลักการและทักษะมวยไทย ทักษะพื้นฐาน เช่น หมัด เตะ เข่า ศอก เทคนิคการป้องกันและการโจมตี การประยุกต์ใช้ทักษะพื้นฐานไปสู่คีตะมวยไทย การฝึกซ้อมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การเคารพคู่ต่อสู้และครูฝึก การพัฒนาความอดทนและความมีระเบียบ การเรียนรู้จากความล้มเหลวและความสำเร็จ ประโยชน์ทางกายภาพจากการฝึกมวยไทย การออกกำลังกายและการสร้างสมดุลในชีวิตแนวคิดหลักการทรงงาน 23 ข้อ รวมถึงความยั่งยืน การใช้มวยไทยเป็นเครื่องมือในการสร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคม การเรียนรู้จากประสบการณ์ของพระราชาผ่านการฝึกมวยไทย การสร้างโอกาสให้กับนักเรียนได้แสดงความสามารถ การจัดเนื้อหาสาระเหล่านี้จะช่วยให้การเรียนการสอนมวยไทยมีความหมายและส่งเสริมการพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมได้อย่างเต็มที่
4. ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางในการจัดการเรียนการสอนรายวิชากีฬามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา ควรมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไรเพื่อให้นักเรียนได้รับประโยชน์มากที่สุด
ควรมีการวิเคราะห์เนื้อหาให้มีความสอดคล้องกัลป์มาตรฐาน ตัวชี้วัด รายวิชาพลศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และให้หลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาสอดคล้องกับแนวทางการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา บูรณาการเนื้อหาหลักสูตรรวมมวยไทยเข้ากับหลักการของศาสตร์พระราชา ด้านหลักการทรงงาน 23 ข้อใช้การสอนที่เชื่อมโยงทฤษฎีกับการปฏิบัติ เช่น การฝึกซ้อมมวยไทยควบคู่ไปกับการเรียนรู้เกี่ยวกับคุณค่าทางวัฒนธรรมและจริยธรรม ส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินการเรียนการสอน เช่น สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง เพื่อให้นักเรียนกล้าสอบถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไม่เพียงแต่สอนทักษะการต่อสู้ แต่ยังสอนทักษะการควบคุมอารมณ์ การทำงานเป็นทีม การแก้ปัญหา มีการฝึกฝนที่เน้นความอดทนและความพากเพียร ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการใช้ชีวิต จัดกิจกรรมการฝึกซ้อมและการแข่งขันในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การฝึกในชุมชนหรือร่วมกิจกรรมกับโรงเรียนอื่น เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง สอนนักเรียนเกี่ยวกับคุณค่าและความสำคัญของมวยไทยในบริบทของวัฒนธรรมไทยส่งเสริมให้มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและการใช้มวยไทยเป็นสื่อในการพัฒนาตนเอง ใช้การประเมินที่หลากหลาย เช่น การประเมินความรู้ ทักษะ ความก้าวหน้า และการมีส่วนร่วม ให้ข้อเสนอแนะแบบสร้างสรรค์เพื่อช่วยให้นักเรียนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การดำเนินการตามแนวทางเหล่านี้จะช่วยให้นักเรียนได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเรียนรู้มวยไทย
5. ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางในการประเมินผลการเรียนรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา ควรมีเครื่องมือและวิธีการวัดและประเมินผลอะไรบ้าง อย่างไร
การประเมินผลการเรียนรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา ควรมีเครื่องมือและวิธีการวัดและประเมินผลที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถสะท้อนถึงความรู้ ความสามารถ และทักษะที่นักเรียนได้รับอย่างครอบคลุม การประเมินความรู้ การประเมินทักษะ การประเมินเจตคติ มีแบบประเมินและการให้คะแนนที่เข้าใจง่าย ชัดเจนครอบคลุมเนื้อหาที่สอน มีการทดสอบความรู้ทางทฤษฎีเกี่ยวกับมวยไทย เช่น ประวัติศาสตร์ แนวคิดและจริยธรรม การทดสอบอาจเป็นแบบเลือกตอบ หรือแบบเปิดที่ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความหมายของมวยไทยในบริบทของศาสตร์พระราชา ให้นักเรียนเขียนบันทึกสะท้อนคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ การสะท้อนความคิดช่วยให้นักเรียนเข้าใจถึงการเติบโตและพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ
การใช้เครื่องมือและวิธีการเหล่านี้ในการประเมินจะช่วยให้การประเมินผลการเรียนรายวิชามวยไทยมีความหลากหลาย ครอบคลุมทั้งทักษะทางกายภาพ ความรู้ และคุณธรรม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดศาสตร์พระราชาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อภิปรายผล
งานวิจัยนี้ได้องค์ความรู้จากการศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 ซึ่งผลการวิจัยพบว่ามีความสำคัญตามด้านของการพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชา ทั้ง 3 ด้าน สภาพที่เป็นควรจะเป็นต่ำกว่าด้านสภาพที่เป็นอยู่ และเมื่อวิเคราะห์ผลการจัดลำดับสภาพที่ควรจะเป็นทั้ง 3 ด้านพบว่า องค์ประกอบด้านด้านเนื้อหามีความต้องการจำเป็นสูงสุด รองลงมาคือ ด้านด้านการวัดและประเมินผล และด้านการจัดการเรียนรู้ ตามลำดับ สอดคล้องกับพงศ์ธร (2564) ได้ทำวิจัยเรื่อง “การพัฒนารายวิชามวยไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551” (Development of Muay Thai course for high school level based on the basic education core curriculum in 2008) ผลการวิจัยพบว่า เอกสารประกอบรายวิชามวยไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น สามารถใช้เป็นแนวทางและต้นแบบในการจัดการเรียนการสอนมวยไทยในสถานศึกษาได้ จากการศึกษางานวิจัยในประเทศที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรมวยไทยและรูปแบบการออกกำลังกายโดยใช้ศิลปะมวยไทย พบว่า การพัฒนาหลักสูตรรายวิชามวยไทยตามแนวคิดศาสตร์พระราชาในโรงเรียนขยายโอกาส มีขั้นตอนและกระบวนการอย่างเป็นระบบ ซึ่งสามารถนำหลักสูตรมวยไทยมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา และสอดคล้องกับน้ำอ้อย (2560) ได้ศึกษาเรื่อง “การศึกษาการพัฒนาหลักสูตร และการใช้หลักสูตรโรงเรียน สาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีสมุทรปราการ” (The Study of the administration and the use of the curriculum at demonstration school of Thonburi Rajabhat University) ผลการวิจัยพบว่า 1) ในด้านการพัฒนาหลักสูตร และ การสนับสนุนการใช้หลักสูตร พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาส่วนใหญ่ทำการศึกษา และทำความเข้าใจ เกี่ยวกับหลักสูตรสถานศึกษา และเอกสารประกอบหลักสูตรอื่น ๆ โดยศึกษาวิเคราะห์จากหลักสูตร แกนกลาง ส่งเสริมให้ครูผู้สอนศึกษาวิเคราะห์ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรในสถานศึกษาและเอกสารประกอบหลักสูตร เตรียมบุคลากรในสถานศึกษา เพื่อใช้หลักสูตรในสถานศึกษา มีส่วนร่วมในการจัดครูเข้าสอน มีส่วนร่วมในการจัดตารางสอน และมีแนวปฏิบัติในการจัดตารางสอน โดยวิเคราะห์จากโครงสร้างหลักสูตร การจัดระบบงานบริการให้มีวัสดุหลักสูตร มีการวางแผน จัดเตรียมงบประมาณค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการใช้หลักสูตรสถานศึกษา มีการนิเทศ ติดตามการใช้ หลักสูตรสถานศึกษา มีการจัดให้มีการประชาสัมพันธ์หลักสูตร 2) ในด้านกระบวนการใช้หลักสูตร พบว่า ครูผู้สอนส่วนใหญ่มีความเข้าใจมาตรฐานการเรียนรู้ และปรับการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับสภาพ และความต้องการของท้องถิ่น มีการวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กำหนดแนวทางการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนโดยกําหนดให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด และ สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ในหลักสูตรสถานศึกษา ได้ใช้สื่อในการส่งเสริมการเรียนรู้ มีการจัด ซ่อมเสริม มีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 3) ในด้านความพึงพอใจต่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ ตามหลักสูตรสถานศึกษา พบว่า นักเรียน และผู้ปกครองมีความพึงพอใจมากต่อการจัดเตรียมอาคาร สถานที่การจัดปฐมนิเทศนักเรียนก่อนเปิดภาคเรียนเพื่อประชาสัมพันธ์หลักสูตร และในระดับความพึงพอใจ มากในทุกด้าน ส่วนด้านครูผู้สอนโดยรวมอยู่ในระดับความพึงพอใจมาก และมีความพึงพอใจมากที่สุด ในด้านการแต่งกายสะอาด สุภาพ รองลงมาคือ ครูมีกิริยามารยาทเหมาะสมกับกาลเทศะ
ข้อเสนอแนะ
ในการศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาหลักสูตรมวยไทยตามแนวคิดศาสตร์ควรมีการพัฒนาหลักสูตรในโรงเรียนระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และโรงเรียนนานาชาติ เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะมวยไทยโดยใช้แนวคิดศาสตร์พระราชาได้ในทุกระดับ รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริม Soft Power สำหรับเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการส่งเสริมสืบทอดมวยไทยให้เป็นอัตลักษณ์ในระดับประเทศต่อไป
กิตติกรรมประกาศ
การวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยขอขอบพระคุณรองศาสตราจารย์ ดร.ต่อศักดิ์ แก้วจรัสวิไล อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก และรองศาสตราจารย์ ดร.สมบุญ ศิลป์รุ่งธรรม อาจารย์ที่ปรึกษารวม รวมทั้งขอบคุณผู้ให้ข้อมูลทั้งคณะผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา และคณะครูผู้สอนมวยไทยในโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. 2560. แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. แหล่งที่มา: https://www.stou.ac.th/
Offices/Oaa/OaaOldPage/Professional/Train_Professional/oaaInfo/oaa/Dept/Dept04/webcur63/Rule_MUA/Plan_Inter2560-2579.pdf, 13 พฤศจิกายน 2567.
ฉัตรพันธ์ ดุสิตกุล. 2555. ผลของการจัดกิจกรรมพลศึกษาโดยใช้เกมกลุ่มพลวัตต่อพฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนชั้นประถมศึกษา. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา 7(1): 1057-1071.
เชียงใหม่นิวส์. 2562. 54 พระบรมราโชวาท “ด้านการศึกษา” จาก ในหลวงรัชกาลที่ 9. แหล่งที่มา: https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1144700, 13 พฤศจิกายน 2567.
ต่อศักดิ์ แก้วจรัสวิไล. 2559. การสร้างรูปแบบการออกกำลังกายด้วยศิลปะมวยไทยโบราณสำหรับเยาวชน. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 39(2): 77-86.
น้ำอ้อย สุขเสนา. 2560. การศึกษาการพัฒนาหลักสูตรและการใช้หลักสูตรโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี สมุทรปราการ. มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี, กรุงเทพฯ.
พงศ์ธร แสงวิภาค. 2564. การพัฒนารายวิชามวยไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ 13(1): 215-232.
โพธิ์สวัสดิ์ แสงสว่าง. 2540. ศิลปะมวยไทย. สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, กรุงเทพฯ.
โพธิ์สวัสดิ์ แสงสว่าง. 2557. มวยไทยโบราณ. วิทยานิพนธ์ปริญญาเอก, มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง.
ยุทธนา ปฐมวรชาติ. 2545. การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น: แนวคิดเชิงปฏิบัติที่เป็นพื้นฐานสำคัญ สู่การพัฒนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. วารสารวิชาการ 5(5): 11-18.
ศาลินา บุญเกื้อ และ นันทกาญจ์ ชินประพันธ์. 2557. การถอดบทเรียนและวิเคราะห์อัตลักษณ์ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง. ศูนย์สถานศึกษาพอเพียง มูลนิธิยุวสถิรคุณ, กรุงเทพฯ.
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ. 2560. ศาสตร์ของพระราชา: ผู้นำโลกในการพัฒนาอย่างยั่งยืน. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. 2541. เกณฑ์มาตรฐานโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2541. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กรุงเทพฯ.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. 2543. รายงานการประเมินผล 1 ทษวรรษ โครงการขยายโอกาสทางการศึกษาปีการศึกษา (2543-2542) เส้นทางสู่การศึกษาภาคบังคับ 9 ปี. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กรุงเทพฯ.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. 2566. นโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กรุงเทพฯ.