
วัฒนธรรม ประเพณีมวยไทย
ประเพณีของมวยไทยที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จะฝึกฝน ศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ ก็คือการแสดงความเคารพ คารวะต่อครูบาอาจารย์อย่างจริงใจ เปรียบประดุจเป็นบิดามารดาที่ให้ทั้งความรัก ความรู้ และความมีเมตตาธรรมในการที่อบรมบ่มนิสัยให้ศิษย์เป็นผู้มีคุณค่าทางวิชาการและมีคุณต่อสังคม เพื่อเป็นประชาชนที่มีคุณภาพของชาติต่อไป ครูจึงเป็นปูชนียบุคคลที่ทรงคุณค่าควรได้รับการเคารพบูชาของคนทั่วไป ในฐานะศิษย์ผู้ที่จะสืบทอดมรดกทางวิชาการ จึงต้องพร้อมใจกันปวารณาตนรับการถ่ายทอดวิชาความรู้ด้วยความวิริยะอุตสาหะมานะอดทนเพื่อให้บรรลุจุดหมายปลายทางของการศึกษาที่ตั้งใจไว้
ความสำคัญของครูมวย
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายคำว่า ครู หมายถึง ผู้สั่งสอนศิษย์ ผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ ส่วนสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (๒๕๔๐) กล่าวว่า ครูมาจากคำว่า ครุ แปลว่าหนัก ซึ่งเป็นคำเดียวกับคารวะซึ่งแผลงเป็นคำว่า เคารพ แปลว่าตระหนักหรือซาบซึ้ง คือ รู้ด้วยปัญญา ดังนั้นคำว่าครูจึงมีความหมายได้สองลักษณะคือ
๑. ครู แปลว่าหนัก ครูย่อมเป็นผู้ที่ผ่านการศึกษาค้นคว้ามาแล้วอย่างหนักเพื่อสะสมความรู้เอาไว้และครูย่อมเป็นผู้ที่ต้องอดทนอย่างหนักในการสั่งสอนถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์
๒. ครู แปลว่าตระหนัก ครูเป็นผู้มีปัญญามาก เมื่อจะทำสิ่งใด ควรตระหนักได้ว่าสิ่งนั้นผิดหรือถูก ดีหรือเลว ควรหรือไม่ควร เมื่อทำไปแล้วเป็นบุญหรือเป็นบาป เมื่อตระหนักอย่างนี้แล้วครูก็จะเลือกทำแต่ในสิ่งที่เห็นว่าดีว่าถูกและควรทำ เมื่อทำไปแล้วก็ให้แต่ผลบุญเท่านั้น
ครูมวยไทยจึงเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถด้านมวยไทยและถ่ายทอด สั่งสอนให้กับศิษย์ได้อย่างถูกต้องและชัดเจน ผู้ที่เคารพกราบไหว้ครู หรือบูชาพระคุณของครูด้วยความเคารพนับถือยกย่อง บุคคลนั้นย่อมจะได้รับผลดีสูงสุด ได้แก่
๑. เป็นผู้ที่มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้จากครูเต็มที่
๒. เป็นผู้ที่สามารถใช้ความรู้ที่ได้เล่าเรียนมานั้น ให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตน และผู้อื่น
๓. จะเป็นผู้ไม่ตกต่ำในระยะที่มีชีวิตเพราะบุคคลที่มีความเคารพเชื่อฟังครูอย่างแท้จริง มักจะไปเยี่ยมเยียนไปแสดงความเคารพท่านเมื่อมีโอกาสเสมอ เมื่อครูเห็นว่าศิษย์เป็นคนอ่อนน้อมเสมอต้นเสมอปลาย ท่านก็จะยิ่งเพิ่มความเมตตากรุณาแก่ศิษย์มากขึ้นสิ่งใดที่เห็นว่าศิษย์จะผิดพลาดท่านก็จะคอยเตือนไว้ ทำให้ศิษย์ไม่เผลอสติทำความชั่ว โอกาสที่ศิษย์จะตกต่ำจึงไม่มี
๔. ทำให้ความรู้ทางวิชาการต่างๆ ก้าวหน้าขึ้นเมื่อศิษย์ได้รับการถ่ายทอดความรู้ทุกอย่างจากครูไว้หมดแล้ว ศิษย์ก็จะศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไปทำให้ศิษย์มีความรู้เพิ่มและวิทยาการทั้งหลายก็จะเจริญก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง
การมอบตัวเป็นศิษย์
คนไทยในสมัยโบราณเชื่อว่าการศึกษาหาความรู้ และการฝึกหัดศิลปวิทยาต่างๆ เช่น รำละคร ดนตรี ฟันดาบ กระบี่กระบอง หรือต่อยมวย จะต้องมีครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ผู้เรียนจะต้องเคารพเชื่อฟังครูอาจารย์ของตนเอง และระลึกถึงบุญคุณครูอาจารย์ของตนเองอยู่เสมอ จึงจะเป็นผู้ที่มีความเจริญก้าวหน้าและเป็นศิริมงคล การฝึกมวยไทยในจึงมีการขึ้นครูหรือยกครู ซึ่งถือเป็นประเพณีอันดีงามปฏิบัติสืบต่อกันมา (จรัสเดช อุลิต, ๒๕๓๖)
การที่ครูมวยจะยอมรับผู้เรียนเป็นศิษย์ต้องผ่านการคัดเลือกและกลั่นกรองอย่างถี่ถ้วนก่อน เมื่อครูมวยตระหนักว่าบุคคลนี้ไม่ใช่คนพาล มีคุณสมบัติพอที่จะรับการถ่ายทอดวิชาการ ครูมวยจึงจะรับไว้เป็นศิษย์ บุคคลซึ่งถูกคัดเลือกแล้วนี้ แม้จะยังไม่ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากครูมวย นักมวยจะมีความสำนึกในความเมตตากรุณาของครูมวยที่มีแก่ตน จึงได้มีการนำเครื่องสักการะบูชาครู อันได้แก่ ดอกไม้ ธูปเทียน ผ้าขาว ๖ ศอก กรวย ๖ กรวยและเงินค่าขึ้นครูจำนวน ๖ สลึง (ปัญญา ไกรทัศน์, ๒๕๒๔) จำนวนมากน้อยขึ้นอยู่กับการกำหนดของครูมวย การทำพิธีจะทำต่อหน้าพระพุทธรูปและรับสัตย์ตามที่ครูกำหนด โดยปฏิญาณตนต่อหน้าท่านว่าจะเคารพเชื่อฟังทั้งจะประพฤติตนเป็นคนดีทั้งกาย วาจา และจิตใจ อยู่ในระเบียบวินัยที่ครูมวยกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดและอดทนหลังจากนั้นครูมวยจะให้โอวาทแนะนำการปฏิบัติตนในการเป็นนักมวย จนเป็นที่เข้าใจจึงทำการฝึกการร่ายรำไหว้ครูต่อไป
ลักษณะของพิธียกครูและขึ้นครูของมวยไทยในสมัยโบราณมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง โดยมวยไทยโคราช จะต้องมีการเตรียมเครื่องสำหรับทำพิธีดังนี้ (เช้า วาทโยธา, ๒๕๕๐)
๑. ใช้เงินบาทใส่พานคนละ ๑๒ บาท
๒. เทียนขาวหนักบาทหนึ่งเล่ม
๓. กรวยก้นแหลมทำด้วยใบตองกล้วยสดคนละ ๓ กรวย
๔. ธูป ๓ ดอก
๕. ดอกไม้ ๓ สี ๓ ดอก ใส่ลงไปในกรวย
โดยเริ่มจากการปักธูปลงไปในกรวย ๆ ละดอก ทั้งหมดใส่พานพร้อมด้วยเงินบาทและเทียน การยกครูและขึ้นครูนี้ไม่จำกัดวันและเวลาทำได้ทุกวัน เงินบาทที่ครูได้รับนั้น ครูจะได้จัดซื้ออาหารคาวหวานใส่บาตรให้แก่คุณครูและคณาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้วเป็นต้น
การไหว้ครู
พิธีไหว้ครูนั้นเป็นงานพิธีใหญ่ต้องใช้สิ่งของเครื่องบริการมากหลายและตามธรรมเนียมที่ได้ สืบทอดกันมา ซึ่งในปีหนึ่ง ๆ จะต้องทำพิธีไหว้ครูในวันพฤหัสบดีได้เพียงหนึ่งครั้ง จะเป็นปีใด เดือนใด ก็ทำได้แล้วแต่ครูจะนัดหมาย เมื่อตกลงพร้อมเพียงกันแล้วจึงเริ่มพิธี ดังนี้
เริ่มทำพิธีในเย็นวันพุธนิมนต์พระ ๕ รูป หรือ ๗ รูป หรือ ๙ รูป มาสวดพระพุทธคุณ (สวดมนต์เย็น) ณ สถานที่ที่ได้กำหนดทำพิธี และตอนเช้าวันพฤหัสบดีเลี้ยงพระ เมื่อพระฉันท์เสร็จและถวายของแล้วให้จัดเครื่องบวงสรวงขึ้นนอกชายคาเรือน วางโต๊ะปูด้วยผ้าขาว จัดเครื่องสังเวย ขึ้นวาง ดังนี้
๑. ผ้าขาว ๖ ศอก หนึ่งผืน
๒. เงินบาท ๑๒ บาท
๓. ธูป เทียน ดอกไม้ ให้มากสักหน่อยเผื่อแจกศิษย์
๔. หัวหมูเครื่องพร้อม ๒ หัว ต้มให้สุกก่อน
๕. เหล้าโรง ๒ ขวด
๖. ไก่ต้มสุกแล้ว ๒ ตัว
๗. ขนมต้มแดง ๑ คู่
๘. ขนมต้มขาว ๑ คู่
๙. กล้วยน้ำหว้าสุก ๒ หวี
๑๐. มะพร้าวอ่อน ๑ คู่
๑๑. บายศรีปากชาม ๕ ชั้น จำนวน ๑ คู่ พร้อมไข่ต้มปลอกเปลือกออกแล้ว ๒ ใบ วางอยู่ในกลางบายศรีปากชาม
๑๒. แป้งหอม น้ำมันหอม สำหรับเจิมหน้าศิษย์ ๑ ถ้วย
๑๓. ขันน้ำล้างหน้า ๑ ใบ
โดยเริ่มให้ลูกศิษย์นั่งคุกเข่าที่หน้าโต๊ะเครื่องบูชาและเครื่องสังเวยที่จัดตั้งขึ้นนั้น พร้อมเชิญพระพุทธรูป ๑ องค์ มาวางอยู่เหนือเครื่องสังเวยด้วย ครูแจกธูป เทียน ดอกไม้ ครูจุดธูปเทียน นำสักการะบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม คุณพระสงฆ์ และคุณครู คุณอาจารย์ ที่ล่วงลับไปแล้วนำเครื่องบูชาไปปักตามเครื่องสังเวยหรือที่ปักธูป
ต่อไปครูนำสวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ จบแล้วนั่งลงกราบ ๓ ครั้ง แล้วลุกขึ้นยืนทุกคน พนมมืออ่านประกาศคำบวงสรวง ดังนี้
ข้าพเจ้า ................... (ออกชื่อตัวของทุกคน) ขอนอบน้อมกระทำการสักการบูชาคุณพระศรีรัตนตรัย อีกทั้งคุณครูและคุณอาจารย์ผู้ล่วงลับไปแล้ว คือ พระเหมสมาหาร ครูอิ่ม ครูทน ครูรุ่ง หมื่นชงัดเชิงชก ครูบัว ข้าพเจ้าทั้งหลาย พร้อมด้วยกาย วาจา ใจ ผู้มีความกตัญญูกตเวที ขออัญเชิญดวงวิญญาณของท่าน หากจะสถิตอยู่ในภพภูมิสถานที่แห่งใดหรือวิมานอันใด ขอจงได้มารับเครื่องบวงสรวงและของที่ได้จัดหามาเซ่นสังเวยนี้โดยพร้อมเพียงกัน ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอให้คำสัตย์ปฏิญาณ ต่อหน้าดวงวิญญาณของคุณครูทั้งหลาย ณ ที่นี้ว่า วิชามวยไทยที่พวกข้าพเจ้าจะได้ร่ำเรียนศึกษานี้ พวกข้าพเจ้าทั้งหลายจะนำไปใช้เพื่อป้องกันตนเอง เพื่อประโยชน์สุขแก่คนอื่น และเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง จะไม่ใช้ไปเที่ยวรังแกหรือข่มเหงผู้อื่น ขอความมุ่งหมายของพวกข้าพเจ้า จงทำให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ได้ศึกษาในวิชามวยไทยได้โดยตลอด สมเจตนารมณ์ของพวกข้าพเจ้าทั้งหลายเทอญ สิทธิกิจจัง สิทธิกำมัง สิทธิกาละ ตะถาคะโต สิทธิเตโช ไชยโยนิจจัง สิทธิกำมัง ขอจงประสิทธิเม
เมื่อกล่าวจบ ครูผู้ฝึกมวยก็จะให้ผู้เป็นศิษย์ทุกคนนั่งคุกเข่าพนมมือ ทำพิธีเจิมหน้าศิษย์ด้วยแป้งและน้ำมันหอมที่เตรียมไว้แล้วว่าพระคาถาเป่าที่หน้าลูกศิษย์เมื่อเวลาเจิม (นะ วิ เว) เมื่อจบพิธีไหว้ครูแล้ว ก็ทำ การลาเครื่องเซ่นเครื่องสังเวย จัดเลี้ยงอาหารแก่ศิษย์เพื่อความสุข ความสามัคคี และความผูกพันในฐานะเจ้าภาพ ครูนั้นเปรียบได้เสมือนบิดาคนที่สองของศิษย์ ที่จะให้ความรักความเมตตาอบรมสั่งสอนในศิลปะวิทยาการต่อไป
อำนาจ พุกศรีสุข และประจวบ นิลอาชา (๒๕๓๐) ได้กล่าวถึงลักษณะการไหว้ครูของมวยไทยโคราช ซึ่งปรากฏหลักฐานในคำกลอนจากการเขียนด้วยลายมือของครูบัว นิลอาชา (วัดอิ่ม) ซึ่งเป็นครู มวยไทยโคราช มีดังนี้
ท่านครูเฒ่าเจ้าตำราเห็นว่าศิษย์ แนบสนิทดีถนัดไม่ขัดขวาง
ทั้งคล่องแคล่วว่องไวจะไว้วาง ไม่ระคางขัดตาเวลาแล
จึงให้จัดเครื่องบูชาคารวะ บูชาพระครูนามตามกระแส
เงินบาท ๑๒ อัฐชัดแน่ไม่เชือนแช กรวย ๖ ให้ยกครู
อีกผ้าขาว ๖ ศอก ท่านบอกไว้ เทียนดอกไม้ธูปเสร็จสำเร็จอู๋
ยกขึ้นจบเกศาบูชาครู เข้าเทียบดูลุกขึ้นยืนตัวตรง
เท้าทั้งสองชิดแนบเข้าแบบอย่าง ทำท่าทางครูสอนโดยประสงค์
ครูจึงจับมือทั้งสองจ้องประจง เอาขึ้นคงจดหน้าผากปากให้พร
ว่าสิทธิกิจจังสำเร็จกิจ จงประสิทธิหน๊ะจงจำเอาคำสอน
สิทธิกำมังขอให้สถาพร จึงกล่าวกลอนกะระตะถาคะโต
อีกสิทธิเตโชชัยโยนิจจัง หวังเป็นที่พึ่งพิงได้อะโข
อีกสิทธิกำมังตั้งนะโม จงสุขโขเป็นนิจสิทธิเต
สอนให้ว่าถ้วนครบคำรพสาม เป็นข้อความตามกันไม่หันเห
ย่างสามขุมสอนสั่งดังอุปเทห์ บอกไม้เอ เอก โท ตรีจัตวา
ไม้ปัญจะบอกให้พอได้ครบ บอกสมทบไว้ถ้วนกระบวนหนา
ไม้หนึ่งหมัดที่ยื่นชักคืนมา เต๊ะเท้าหน้าพร้อมชักให้ยักตาม
ไม้สองให้ปิดปกชกด้วยศอก ไม้สามบอกชกห้ามไหล่คือไม้สาม
ไม้สี่ให้ชกนอกท่านบอกความ ชักออกตามชกในไขวาที
ประสานงาไม้ห้าท่านว่าไว้ ตามนิสัยครูสอนแต่ก่อนกี้
จบไม้ครูห้าไม้ไว้พอดี ยังไม้มีเบ็ดตะเล็ตไม่เสร็จการ
จะกล่าวไม้ทัสะมาลาทำท่าแปลก เอามือแบกปิดหูดูสงสาร
อีกไม้กาฉีกรังไม่ยั้งนาน ต้องใช้เท้าเข้าประสานที่ว่างอยู่
หณุมารถวายแหวนนั้นแสนสวย เอามือฉวยข้อศอกทำกลอกหู
อีกไม้อายพลอยล้มลงจมพรู พิเคราะห์ดูท่าล้มก็สมควร
ยังไม้ลิงชิงลูกไม้พิไรว่า ทำทีท่าว่องไวหน้าใคร่สวล
ไม้กุมภกรรณ์หักหอกบอกกระบวน ฤๅษีสวนมุทสระปะทะปะทัง
อีกไม้ทศกรรฐ์โศกวิโยคยักษ์ ตะเพียรฟักแฝงตอไม่รอรั้ง
ยังอีกไม้แฝงคลุมคุ้มเข้ารัง ท่านแต่งตั้งเติมไว้เป็นไม้มวย
คชสารกวาดหญ้าท่านว่าไว้ หักหลักเพ็ชร์เกล็ดชัยบอกไว้สวย
คชสารแทงโลงตะโกงกวย ต้องพุ่งพวยโยกคลอนถอนหลักไป
หณุมารแหวกฟองท่านร้องเรียก อีกสำเหนียกลิงพลิ้วต้องเผลอไผล
ทั้งไม้กาลอดบ่วงทะลวงไป ท่านขานไขคอยหลบประจบประแจง
ไม้หณุมารแบกพระท่านว่าไว้ ก็เคลือบคล้ายถอนตอพอรู้แจ้ง
อีกไม้หนูไต่ราวต้องยาวแทง ตลบนกยกแว้งกลับศอกมา
ยังอีกไม้ตอแหลไม่แท้เที่ยง หลอกจะเหวี่ยงติดตลกชกหมัดหน้า
เบ็ดตะเล็ตเสร็จแท้แน่อุรา จำวาจาให้แจ้งอย่าแคลงใจ
ยี่สิบเอ็ดเสร็จสิ้นบอกไว้ก่อน ที่ครูสอนเหลือจะจำเอาคำไข
สุดที่จะพรรณนาท่านว่าไว้ ที่จำได้ฉันจึงบอกไม่หลอกลวง
ยังโคลงมวยต่อไปให้สำเหนียก ท่านชี้เรียกโคลงตามไม่ห้ามหวง
จะชี้แจงแต่งออกเป็นดอกดวง ไม่ล่อลวงครูสอนแต่ก่อนมา
ถ้าเขายาวเราพึ่งฝากชีวิตร์ อย่าควรคิดคาดคงเข้าตรงหน้า
เราต้องคอยแบ่งแย่งรอมอระคา พอได้ท่าล่างบนปนกันไป
นี่แหละโคลงเปรียบเทียบทำเนียบแนะ จงแค้นแคะตรึกหาดังปราศัย
ผู้ใดมีปรีชาปัญญาไว คงคิดได้มั่นคงอย่าสงกา
จากคำกลอนดังกล่าวแสดงถึงระเบียบ ประเพณี วัฒนธรรมและลักษณะของการไหว้ครูมวยไทยโคราชซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง ผู้ที่สนใจจะฝึกมวยไทยโคราชควรศึกษาระเบียบ ประเพณี วัฒนธรรมและยึดถือปฏิบัติสืบทอดต่อไป
พิธีครอบครู
เป็นพิธีกรรมหลังจากที่ศิษย์ได้ศึกษาศิลปะมวยไทยจากครูมวยจนหมดสิ้นและสามารถถ่ายทอดวิชามวยไทยให้กับผู้อื่นได้ ครูมวยจะทำพิธีครอบครูให้ ดังนั้นการครอบครู จึงเปรียบเสมือนการสร้างครูมวยขึ้นอีกหนึ่งคน การทำพิธีจะให้ศิษย์โดยทำในวันพฤหัสบดีก่อนเวลาเพลที่บ้านของครูมวยหรือในโบสถ์ ครูมวยจะทำพิธีครอบครูสวมมงคลที่ถูกต้องตามประเพณีของสำนักมวยต่างๆ เช่น ถ้ามวยสายครูเมฆ แห่งบ้านท่าเสาและพระยาพิชัยดาบหัก มงคลที่สวมให้นั้นจะเป็นมงคลประจำตัวมีดวงพิชัยสงครามอยู่บนแผ่นยันต์สีแดง ซึ่งพันอยู่รอบมงคลโดยมงคลจะมีสีขาวแดงถักด้วยด้ายดิบสีขาว ๔ เส้น และสีแดง ๔ เส้น แต่ละเส้นประกอบด้วย ด้ายดิบหลายสิบเส้น ถักพอดีกับขนาดของศีรษะแล้วบรรจงเป็นเส้นเดียวพอได้ระยะ จากนั้นก็แยกถักเป็น ๒ หาง โดยมีการผูกมัดไว้ที่ปลายและจะไม่ถอดมงคลตลอดการต่อสู้ หลังจากนั้นจะนำเอาแผ่นยันต์ที่ลงอักขระประจำสำนักงานและดวงพิชัยสงครามของผู้ได้รับการครอบครู พันรอบมงคลส่วนหน้าเอาไว้ มงคลนี้โดยปกติจะได้รับการสวดยัติไว้เรียบร้อยแล้ว
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (๒๕๔๐) กล่าวว่าในการทำพิธีครอบครูจะต้องมีการเซ่นไหว้ครูมวยด้วยอาหารและสิ่งของ ดังนี้
๑. หัวหมู ๑ หัว ไก่ ๑ หัว ปลา ๒ ตัว
๒. มะพร้าวอ่อน ๒ ใบ
๓. เหล้า ๑ ขวด
๔. ไข่ ๒ ใบ (ในกรวยบายศรี)
๕. นวม หรือโครงสำหรับคาดเชือกพร้อมด้ายดิบ ๒ คู่
๖. ดอกไม้ ๓ สี และดอกไม้ในแจกันอีก ๒ ใบ
๗. หมากพลู บุหรี่ (อย่างละ ๓ คำ/ มวน)
๘. เงิน ๑๒ บาท
๙. บายศรี ๑ คู่
- ธูป ๑ แหนบ เทียนขี้ผึ้งสีขาว ๑ เล่ม
- ขัน ๑ ใบ (ไว้ใส่น้ำมนต์ที่มีผิวมะกรูด ๙ ชิ้น ส้มป๋อย ๙ ชิ้น และมะยม ๙ ใบ)
มงคลของครูและลูกศิษย์ที่จะครอบ (อยู่ในพาน)
๑๒. แก้ว ๔ ใบ (สำหรับใส่เหล้า ๒ มะพร้าว ๑ และน้ำ ๑)
- ผ้าแดงกว้าง ๒ เมตร ยาว ๒ เมตร จำนวน ๑ ผืน
- ผ้าขาวกว้าง ๒ เมตร ยาว ๒ เมตร จำนวน ๑ ผืน
- กระถางธูป ๑ ใบ
การจัดเครื่องเซ่นไหว้เหล่านี้จัดอยู่บนผ้าขาวโดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ผ้าแดงให้ปูต่อจากผ้าขาวทางทิศตะวันตก เพื่อให้ครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้วมานั่งรับเครื่องเซ่นไหว้ที่จัดไว้ นอกจากนี้ยังต้องมีกลอง ปี่ และฉิ่งที่จะต้องบรรเลงในการรำไหว้ครูและในการถวายมือ ซึ่งต้องมีเครื่องเซ่นไหว้ คือ ธูป เทียน บุหรี่ หมูต้ม เหล้า และเงินอีก ๑๒ บาท โดยกระทำนอกโบสถ์
พิธีเริ่มด้วยการให้ทุกคนจุดธูป ๓ ดอก เพื่อไหว้พระและจุดธูป ๑ ดอก ปักบนเครื่องเซ่นทุกอย่างก่อนแล้วสวดชุมนุมเทวดา หลังจากนั้นครูหรือพระจะทำน้ำมนต์ (สวด ๑๒ ตำนานและมงกุฎพระพุทธเจ้า) เสร็จแล้วครูหรือพระพรหมน้ำมนต์ให้กับทุกคนที่มาร่วมพิธี หลังจากนั้นผู้ที่จะได้รับการครอบจะต้องกล่าวขอครอบครูดังนี้
“ลูกหลานขอระลึกถึงคุณครูที่ได้สอนศิลปะมวยไทยให้แก่ลูกหลานจนกระทั่งถึงครูเมฆ ซึ่งเป็นครูใหญ่ ครูเอี่ยม ครูเอม ครูโต๊ะ ครูโพล้ง ครูฤทธิ์ ครูแพ ครูพลอย และครูฉลอง เลี้ยงประเสริฐ ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ลูกหลานได้เล่าเรียนศิลปะมวยไทยและยังไม่ได้ครอบครู วันนี้เป็นวันดี และได้ฤกษ์ดีลูกหลานขอให้ครอบครูให้ด้วย”
หากเป็นสายพระยาพิชัยดาบหัก คำกล่าวจะแตกต่างไป ดังนี้
“ข้าพเจ้าขอคารวะและระลึกถึงคุณครูตั้งแต่ครั้งชวดฉลูกัลป์ ที่ได้สอนศิลปะมวยไทยให้แก่ข้าพเจ้า อาทิเช่น เจ้าอาวาสวัดพระธาตุเมืองพิชัย ครูเที่ยง บ้านแก่ง ครูมวยงิ้ว วัดท่าถนน ครูเมฆ บ้านท่าเสา ครูดาบเหลือ เมืองสรวรรคโลก และครูมวยจีน บ้านสุโขทัยธานี พระยาพิชัยดาบหัก ซึ่งได้รับรวมศิลปะมวยไทยให้เป็นระบบและเผยแพร่ให้แก่ผู้สืบทอด ได้แก่ หลวงพิทักษ์ (เสือ) หลวงจง ครูแสง อุตรดิตถ์ ครูขุนกวน ครูอยู่ ครูสงวน แสงชัย และครูอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง ข้าพเจ้าได้เล่าเรียนศิลปะมวยไทยและ ยังไม่ได้ครอบครู วันนี้เป็นโอกาสดี ข้าพเจ้าขอให้ครูได้โปรดครอบครูให้ด้วย”
เมื่อผู้จะครอบครูกล่าวจบ ครูจะกล่าวอบรมสั่งสอนให้ลูกศิษย์นำความรู้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม และให้ประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม อย่าได้ใช้วิชาไปในทางที่ผิดและให้พยายามศึกษาพัฒนาศิลปะมวยไทยต่อไปเรื่อยๆ เพราะศิลปะมวยไทยจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ต้องประยุกต์และปรับปรุงให้ก้าวหน้าต่อไป เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและสังคมไทย นอกจากนี้มวยไทยควรจะคงความเป็นไทยแต่ไม่ควรต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้ศิลปะมวยไทยเป็นเลิศยิ่งขึ้น ผู้ที่ฝึกหัดมวยไทยควรจะมีใจคอกว้างขวางและรู้ว่าศิลปะมวยไทยมีจุดเด่นหรือจุดด้อยอย่างไร ควรพัฒนาจุดเด่นและแก้ไขจุดด้อยต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง มิฉะนั้นศิลปะมวยไทยจะสู้ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของชนชาติอื่นไม่ได้ ผู้ที่ได้รับครอบครูจึงมีหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะต้องปฏิบัติต่อไป
หลังจากที่ครูมวยไทยได้กล่าวจบ ครูมวยจะได้สวมมงคลบนศีรษะของผู้ที่ได้รับการครอบครู ซึ่งในช่วงนี้พระจะได้สวดชยันโตให้แก่ผู้ที่ได้รับการครอบครู จากนั้นก็ทำการถวายอาหารเพลให้แก่พระสงฆ์ ในระหว่างพระฉันเพลนั้น ปี่กลอง จะเริ่มบรรเลงเพลงไหว้ครู ผู้ที่ได้การครอบครูจะเริ่มร่ายรำไหว้ครูจนจบสิ้นตามแบบฉบับที่ครูได้สั่งสอนเอาไว้ แต่การเริ่มต้นจะเหมือนกัน คือ เริ่มจากการไหว้ พระแม่ธรณี ตามด้วยการไหว้บรมครู พระรัตนตรัย และครู ผู้สั่งสอนวิชา หลังจากนั้นจึงเริ่มร่ายรำตามครูได้สั่งสอนจนจบการไหว้ครู
เมื่อครูทำพิธีตามขั้นตอนการไหว้ครูเสร็จแล้ว ทั้งครูและศิษย์จะเริ่มการถวายมือ คือ การประมือระหว่างครูและลูกศิษย์ซึ่งถือว่าเป็นการสอนครั้งสุดท้ายก่อนจบการเรียนจากครูผู้นั้น การถวายมือจะยาวหรือสั้นอยู่ที่การกำหนดของครูเอง เพราะส่วนใหญ่ครูซึ่งอายุมากอาจจะไม่สามารถออกแรงได้มากมายนัก บางครั้งครูจะให้ลูกศิษย์อาวุโสซึ่งได้รับการครอบครูไปแล้วเป็นผู้ถวายมือกับผู้ได้รับการครอบครูใหม่ก็ได้ ระหว่างการถวายมือ ปี่กลองจะบรรเลงเหมือนมีการต่อสู้บนเวทีมวย
หลังจากการถวายมือแล้ว ทุกคนจะถอดมงคลและนำเอามาไว้บนพานและทำการไหว้พระและครู ผู้ล่วงลับไปแล้วทุกคน แล้วทำการถอนเครื่องเซ่นไหว้ หลังจากนั้นครูและศิษย์และแขกต่างๆ ก็นำเครื่องเซ่นไหว้และอาหารมารับประทานกันต่อไป การครอบครูก็จบลงและผู้ได้รับการครอบครูจะมีศักดิ์และสิทธิ์เป็นครูมวยทุกประการต่อไป
สรุปท้ายบท
วัฒนธรรมและประเพณีของมวยไทยเป็นสิ่งที่บุคคลที่มีความสนใจศิลปะมวยไทย ต้องทำการศึกษาเนื่องจากเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เป็นสิ่งที่ดีงาม ซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรมของคนไทยในการให้ความเคารพ ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ และสร้างความสัมพันธ์อันดีของครูกับศิษย์ โดยมีประเพณีที่สำคัญ ได้แก่ การไหว้ครู การมอบตัวเป็นศิษย์ การครอบครู ดังนั้นการเป็นนักมวยไทยต้องตระหนัก เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมอันดีงามนี้และยึดถือปฏิบัติสืบต่อไป
ภาพที่ ๑ เครื่องสังเวยพิธีไหว้ครู
ที่มา : ต่อศักดิ์ แก้วจรัสวิไล, ๒๕๕๑
Culture and Traditions of Muay Thai
Respect and Veneration to Instructors
Among the vital traditions in Muay Thai—especially for those training or studying the art—is the sincere expression of respect and devotion toward the kru (teachers or masters). The kru are regarded akin to parental figures, providing affection, knowledge, and compassion as they cultivate scholarly refinement and social responsibility in their sīṭt̄hi (disciples) so they may become valuable citizens. Accordingly, the kru are esteemed as venerable figures deserving of widespread reverence. As disciples and heirs to this martial legacy, learners must willingly submit to the transmission of knowledge with diligence, perseverance, and endurance, with the aim of achieving their educational aspirations.
The Significance of the Muay Kru (Teacher)
According to the Royal Institute Dictionary (B.E. 2542), the word “kru” means “one who instructs students”—a person who imparts knowledge to pupils. The National Culture Committee (B.E. 2540) explains that “kru” derives from “kru” meaning “weighty” or “significant,” akin to khārawā (reverence), which implies “acknowledging with wisdom.” Thus, “kru” has two senses:
1. Kru as “Weighty”: denotes someone who has rigorously studied and accumulated knowledge and who must endure great effort in teaching.
2. Kru as “Mindful”: indicates a person of deep wisdom who discerns right from wrong, and chooses only virtuous actions that yield wholesome outcomes.
Therefore, a Muay Thai kru is an expert capable of teaching the art precisely and clearly. Those who respect and revere their kru stand to gain the most, including:
1. Receiving complete transmission of martial knowledge.
2. Utilizing the learned skills for personal and societal benefit.
3. Avoiding moral downfall, as respectful disciples often maintain ongoing contact with their teacher, receiving guidance and correction that keep them on a righteous path.
4. Advancing scholarly knowledge and martial science, since disciples who have fully received their teacher's legacy can innovate further, enriching future generations.
Initiation into Discipleship (Phom Khru / Yuk Kru)
In traditional Thai belief, acquiring knowledge or martial arts skills—e.g., drama, music, swordsmanship, krabi–khrabong, or boxing—necessitates a kru. One must obey and continually acknowledge the kru’s merit to progress and prosper. Muay Thai training involves a formal ceremony known as Phom Kru or Yuk Kru, a noble tradition preserved through time .
A Muay Thai kru accepts a disciple only after thorough selection. When deemed worthy—not malicious and capable of learning—the candidate is formally accepted. Even before instruction begins, the initiates demonstrate gratitude by offering ceremonial items such as flowers, incensed candles, a 6‑sok white cloth, six cone offerings, and a tuition of six salueng (dependent on the kru's standard) to the teacher .
The ceremony is conducted before Buddha images, where disciples vow to obey, follow etiquette, uphold physical, verbal, and mental conduct, and adhere to the kru's discipline. The kru then gives guidance, and the disciple proceeds to learn the ritual ram of wai khru.
Variations in Korat-Style Muay Thai
In Korat style, the ceremony includes specific offerings :
1. 12 baht coins on a tray,
2. One white candle weighing ~1 baht,
3. Three cone arrangements made of fresh banana leaves,
4. Three incense sticks,
5. Three flowers of three different colors placed in cones.
These are prepared and offered, including the coins and candle. Payment to the teacher is unrestricted by time or place. The teacher uses the coins to buy food offerings for deceased kru and instructors.
Ritual of Wai Kru (Paying Homage)
The Wai Kru is a major ceremony requiring extensive offerings, held only once per Buddhist year on a designated Thursday, as scheduled by the kru .
Procedure:
-
Wednesday evening: Invite 5, 7, or 9 monks to chant Buddha's virtues at the venue.
-
Thursday morning: Offer food, then arrange offerings outside under a cloth-covered table:
1. One 6‑sok white cloth
2. 12–baht coins
3. Incense, candles, flowers (ample quantity)
4. Two boiled pig heads
5. Two bottles of rice whisky
6. Two boiled chickens
7. One pair of red sweet dumplings
8. One pair of white sweet dumplings
9. Two bunches of ripe bananas
10. One pair of young coconuts
11. A five-tiered bai sri pak cham with two peeled boiled eggs at its center
12. Scented powder and perfumed oil for blessing disciples
13. A bowl of cleansing water
Disciples kneel before the shrine, placing a Buddha image above the offerings. The kru distributes incense, candles, and flowers, lights them, leads homage to Buddha, Dharma, Sangha, deceased teachers, and present kru. They chant and bow three times, read a ceremonial proclamation calling the spirits of teachers to receive offerings, and pledge not to misuse Muay Thai—only for self-defense, social benefit, and national interest. Blessings invoke Pali mantras such as “Siddhi-kicchā-jang…”
After the ceremony, the kru blesses each disciple’s forehead with scented oil (chanting “Na Vi We”), then the disciples serve food to foster unity and reinforce the teacher-student bond. The kru thus assumes the role of a second father.
The Korat Muay Kru Verse
Phraya Phuk Srisuk and Prachuab Nila-acha (1987) recorded a hand-written poem by Kru Bua Nila-acha (Wat Im), from Korat Muay Thaï tradition . The poem outlines guidelines, ritual arrangements, salute postures, and enumerates techniques (ไม้ mây) from the first to twenty-first. It concludes with words of admonition to always remember the kru’s instruction, to apply discernment, diligence, precision, and unwavering spirit—signifying Korat Muay’s unique cultural heritage. Prospective practitioners are urged to study and perpetuate these customs faithfully.
Ceremony of Khrop Kru (Bestowal of Teacher Title)
This ceremony occurs after a disciple has mastered Muay Thai and is ready to teach others. The kru performs a Khrop Kru ceremony—literally crowning a new teacher—typically on a Thursday before noon at the teacher’s home or temple .
The disciple receives a mongkol (sacred headpiece) according to the lineage’s tradition—for instance, Kru Mek lineage (Ban Tha Sao and Phraya Phichai Dab Hak)—a red amulet inscribed with mystical script representing protective energy, wrapped with red-and-white coarse threads in eight strands, forming two tails, worn continuously during fighting. A yantra sheet bearing the blessing script and Phichai Dab Hak energy is wrapped around the mongkol.
The National Culture Committee (B.E. 2540) specifies the required offerings :
1. One pig’s head, one chicken, two fish
2. Two young coconuts
3. One bottle of liquor
4. Two eggs in the bai sri
5. Two pairs of hand wraps or rope cores with raw twine
6. Flowers of three colors and two vases
7. Three betel-quids and three cigarettes
8. Twelve baht in coins
9. A pair of bai sri
10. One incense holder with beeswax candle
11. One bowl containing holy water infused with nine pieces each of kaffir lime peel, wild lime, and gooseberry
These are arranged on a white cloth (facing east), with a red cloth to the west, inviting ancestral spirits and kru to partake. A set of pi (oboe), klong (drums), and ching (cymbals) accompany the ritual dance and the formal hand‑off (thawai mue)—endorsing the disciple’s assumption of teacher status.
Ceremony Steps:
-
Everyone lights three incense sticks to Buddha, and one to each offering, then chants attracting celestial beings.
-
The kru or monk blesses the participants with holy water (chanting 12 canonical verses plus a crown chant).
-
The disciple requesting conferment declares lineage and seeks the blessing at the auspicious moment, invoking ancestral teachers by name.
-
The kru delivers final counsel: applying the art for communal welfare, avoiding misuse, and pursuing continuous advancement while preserving Thai cultural identity. Discipline, awareness of strengths and weaknesses, and openness to evolve are emphasized—otherwise Muay Thai may be surpassed by foreign martial systems.
-
Being conferred Khrop Kru establishes sacred duties for the recipient.
After the kru’s exhortation, the mongkol is placed on the new teacher’s head, the monk chants Chayanto, food is offered to monks, and the musical band plays ram wai kru. The initiate performs the ritual homage dance: acknowledging Earth Goddess, the Tripitaka, the kru, then enacts the full Wai Kru choreography taught by the teacher.
Once complete, the formal hand offering (thawai mue) occurs between the kru and new kru (or senior disciple may substitute), accompanied by Pi-Klong ensemble, replicating ring-like combat. Finally, participants remove the mongkol, offer final respects to Buddha and kru spirits, clear the offerings, and partake in communal meals. The ceremony concludes—granting full teacher status to the disciple.
Conclusion
The culture and traditions of Muay Thai are essential for learners and practitioners, embodying Thai values of respect, gratitude, and harmonious relationships between teachers and students. Key ceremonial traditions include Wai Kru, formal discipleship (Phom/Yuk Kru), and the Khrop Kru conferment. Aspiring Muay Thai practitioners must appreciate and preserve these noble customs, perpetuating them with diligence and fidelity.